โธมัส แฟร้งค์ ชื่นชมคุณภาพฝีเท้า โรดรีโก้ เบนตานกูร์

Browse By

โธมัส แฟร้งค์ แสงไฟในศูนย์ฝึกซ้อมฮอตสเปอร์ เวย์สะท้อนบนพื้นหญ้าสีเขียวที่ถูกตัดเรียบในเช้าวันฝึกซ้อมก่อนเกมสุดสัปดาห์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเหล่านักเตะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงอย่างต่อเนื่องในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ล่าสุด โธมัส แฟร้งค์ เฮดโค้ชชาวเดนมาร์กที่เข้ามากุมบังเหียนทีมแทนที่อันเก้ ปอสเตโคกลูเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ได้ออกมากล่าวชื่นชมลูกทีมคนสำคัญอย่าง โรดรีโก้ เบนตานกูร์ กองกลางทีมชาติอุรุกวัย ว่าเป็น “หนึ่งในนักเตะที่มีคุณภาพสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีกตอนนี้”

ถ้อยคำของแฟร้งค์สร้างความสนใจอย่างมากในหมู่แฟนบอลและนักวิเคราะห์ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนชอบพูดเกินจริง ผู้จัดการทีมวัย 51 ปีรายนี้มีชื่อเสียงในด้านความตรงไปตรงมาและการให้เครดิตกับผู้เล่นอย่างเหมาะสม การที่เขาเลือกพูดถึงเบนตานกูร์ในช่วงเวลานี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของมิดฟิลด์รายนี้ในระบบของสเปอร์สที่กำลังพัฒนาไปในทิศทางใหม่ภายใต้การนำของเขา

“โรดรีโก้เป็นนักเตะที่มีคุณภาพระดับโลก” แฟร้งค์กล่าว “สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างคือความสามารถในการควบคุมจังหวะเกมได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเจอกับแรงเพรสซิ่งหรืออยู่ในพื้นที่แคบ เขามีความนิ่งและตัดสินใจได้ยอดเยี่ยมเสมอ เขาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ผมชื่นชมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก”

คำชมดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด เบนตานกูร์ในฤดูกาลนี้กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งหลังจากพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บยาวที่รุนแรงเมื่อปลายฤดูกาลก่อน เขากลับมาพร้อมความมั่นใจและพลังที่มากกว่าเดิม และในระบบการเล่นของโธมัส แฟร้งค์ เขากลายเป็นศูนย์กลางของแดนกลางที่ขับเคลื่อนทุกจังหวะของทีม

ในเกมล่าสุดที่สเปอร์สคว้าชัยเหนือไบรท์ตัน เบนตานกูร์คือผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในสนาม เขาไม่เพียงแค่ช่วยตัดบอลในแดนกลางได้ถึง 7 ครั้ง แต่ยังสร้างโอกาสทำประตูถึง 4 ครั้ง และจ่ายบอลทะลุช่องที่แม่นยำให้แนวรุกหลายครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงสไตล์การเล่นที่ครบเครื่อง ทั้งในด้านเกมรับและเกมรุก

โธมัส แฟร้งค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมเคยพูดกับเขาหลายครั้งว่า ถ้าเขาเล่นได้อย่างนี้ต่อเนื่อง เขาสามารถกลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของโลกได้อย่างแท้จริง เขามีสมาธิสูงมากในทุกนาทีของเกม และสิ่งที่ผมประทับใจคือความถ่อมตัวของเขา เขาไม่เคยยกตัวเองเหนือทีมเลย”

เบนตานกูร์ย้ายมาจากยูเวนตุสในเดือนมกราคม 2022 ในยุคของอันโตนิโอ คอนเต้ ด้วยค่าตัวราว 21 ล้านปอนด์ และกลายเป็นหนึ่งในดีลที่คุ้มค่าที่สุดของสโมสรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักเตะวัย 27 ปีรายนี้มีสไตล์การเล่นที่สงบแต่เฉียบขาด การวางบอลของเขามีความแม่นยำสูงและมีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลที่แตกต่างจากมิดฟิลด์ทั่วไป เขาสามารถสร้างสมดุลให้ทีมได้ทั้งในจังหวะครองบอลและป้องกัน

ในยุคของโธมัส แฟร้งค์ การเข้ามาของกุนซือจากเดนมาร์กทำให้เบนตานกูร์ได้รับอิสระในการเล่นมากขึ้น จากเดิมที่ต้องเน้นเกมรับในระบบของคอนเต้ ตอนนี้เขามีบทบาทในเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น ได้มีส่วนร่วมกับเกมบุก และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แฟนบอลเคยเห็นตอนเล่นให้ยูเวนตุสในยุคของอัลเลกรี

แฟร้งค์มองว่าเบนตานกูร์คือ “ตัวสมดุล” ที่ช่วยให้ทีมสามารถเล่นฟุตบอลในแบบที่เขาต้องการได้อย่างเต็มที่ เขาอธิบายว่า “ในระบบของผม เราเล่นด้วยการหมุนบอลเร็วและการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกอย่างมีประสิทธิภาพ โรดรีโก้คือคนที่ทำให้ระบบนี้ทำงานได้ เขาไม่เพียงแต่จ่ายบอลได้ดี แต่ยังรู้ว่าจะเคลื่อนที่อย่างไรเพื่อสร้างพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม ผมไม่ต้องบอกอะไรเขามาก เขาเข้าใจเกมโดยธรรมชาติ”

สำหรับแฟนบอลสเปอร์ส เบนตานกูร์กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในทีม เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่ชอบแสดงออกมากนัก แต่ผลงานในสนามของเขาพูดแทนทุกอย่าง ทุกครั้งที่ได้บอล เขามักทำสิ่งที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ สื่ออังกฤษถึงกับตั้งฉายาให้เขาว่า “The Silent Engine” หรือ “เครื่องยนต์เงียบ” ของทีม

ในเกมใหญ่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อเดือนก่อน เบนตานกูร์ได้รับคำชมจากกูรูฟุตบอลมากมาย หลังจากโชว์ฟอร์มตัดบอลและคุมจังหวะเกมได้ยอดเยี่ยมตลอด 90 นาที โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังที่เขาช่วยให้สเปอร์สสามารถตั้งเกมสวนกลับได้หลายครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นนำไปสู่ประตูชัยของทีม

“สิ่งที่ผมชอบในตัวเขาคือความเข้าใจในเกม” แฟร้งค์กล่าวเสริม “เขารู้ว่าเมื่อไหร่ควรชะลอเกม และเมื่อไหร่ควรเร่งจังหวะ เขาอ่านสถานการณ์ได้เหมือนมีเรดาร์ในหัว สมาธิของเขาไม่เคยตกแม้ทีมจะอยู่ภายใต้แรงกดดัน”

สำหรับเบนตานกูร์เอง เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิต โค้ชเข้าใจผม และผมเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการ ทุกอย่างในทีมดูมีสมดุล และผมคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของสโมสรในรอบหลายปี”

สิ่งที่น่าสนใจคือ โธมัส แฟร้งค์เองเป็นกุนซือที่ให้ความสำคัญกับการสร้าง “วัฒนธรรมทีม” มากพอ ๆ กับแท็กติก เขามองว่าการทำให้ผู้เล่นมีความสุขและเข้าใจบทบาทของตนคือหัวใจของความสำเร็จ และเบนตานกูร์คือภาพสะท้อนของแนวคิดนั้นอย่างแท้จริง

ในแง่ของสถิติ เบนตานกูร์มีอัตราการผ่านบอลสำเร็จสูงถึง 91% ต่อเกมในฤดูกาลนี้ และเป็นมิดฟิลด์ที่จ่ายบอลทะลุแนวรับสำเร็จมากที่สุดของทีม นอกจากนี้ เขายังมีค่าเฉลี่ยการแย่งบอลคืนต่อเกมสูงถึง 6 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบเท่ากับมิดฟิลด์ระดับโลกอย่างโรดรี ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

ในบทวิเคราะห์จาก ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่ เว็บไซต์วิเคราะห์ฟุตบอลชื่อดัง ระบุว่า เบนตานกูร์คือหนึ่งในมิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้ เพราะเขามีคุณสมบัติทั้งสามด้านครบ — การครองบอล การตัดเกม และการเชื่อมต่อแนวรุก ชี้ว่า “สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือความฉลาดในการเล่น เขาอ่านเกมได้เหมือนผู้เล่นที่มีอายุมากกว่านี้สิบปี”

อีกสิ่งที่ทำให้เบนตานกูร์เป็นที่ชื่นชมของแฟนบอลคือความใจสู้ เขาไม่เคยยอมแพ้แม้ต้องเจอกับอาการบาดเจ็บหนัก เมื่อฤดูกาลก่อนเขาเอ็นหัวเข่าฉีกและต้องพักยาวกว่า 8 เดือน แต่กลับมาพร้อมสภาพร่างกายที่สมบูรณ์และทัศนคติที่แข็งแกร่งกว่าเดิม โธมัส แฟร้งค์ถึงกับกล่าวว่า “ผมไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ เขามีหัวใจของนักสู้ และมันคือแรงบันดาลใจให้ทั้งทีม”

ในแง่ของบทบาทภายในทีม เบนตานกูร์ยังเป็นผู้นำเงียบที่คอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมดาวรุ่ง โดยเฉพาะมิดฟิลด์รุ่นใหม่อย่างเพเป้ มาตาร์ ซาร์ และปาเป้ ซาร์ ที่ยอมรับว่าเรียนรู้จากเขามากมาย ทั้งในเรื่องจังหวะการเล่นและการอ่านเกม “โรดรีโก้ช่วยผมเยอะมาก เขาไม่พูดเยอะ แต่สิ่งที่เขาทำในสนามคือแบบอย่างของมืออาชีพที่แท้จริง” ซาร์ให้สัมภาษณ์หลังเกมกับคริสตัล พาเลซ

ภายใต้การคุมทีมของแฟร้งค์ สเปอร์สเริ่มกลับมามีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนอีกครั้ง พวกเขาเล่นฟุตบอลเชิงรุกแต่มีวินัย ไม่เน้นการครองบอลแบบไร้เป้าหมาย แต่เลือกจังหวะการขึ้นเกมอย่างมีแบบแผน ซึ่งต้องอาศัยมิดฟิลด์ที่มีความเข้าใจเกมสูงอย่างเบนตานกูร์เป็นศูนย์กลาง ระบบของแฟร้งค์จึงทำให้เขาเปล่งประกายที่สุดในรอบหลายปี

แม้สเปอร์สจะยังไม่ถูกยกให้เป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว แต่สิ่งที่พวกเขาแสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้คือความต่อเนื่องและความสมดุลในทุกเกม สื่ออังกฤษเริ่มพูดถึงพวกเขาในฐานะ “ทีมม้ามืด” ที่อาจแทรกขึ้นมาท้าทายหัวตารางได้ทุกเมื่อ หากสามารถรักษาฟอร์มและความฟิตของผู้เล่นตัวหลักอย่างเบนตานกูร์ไว้ได้

ในขณะเดียวกัน แฟร้งค์ยังเน้นว่าทีมของเขาต้องไม่หลงระเริงกับคำชม “เรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ แต่การมีนักเตะอย่างโรดรีโก้ในทีมช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เขาเป็นเหมือนคนคุมจังหวะชีวิตของเกม ผมอยากให้เขาอยู่กับทีมไปอีกนานมาก”

คำพูดนั้นทำให้แฟนบอลสเปอร์สรู้สึกอุ่นใจ เพราะเบนตานกูร์ไม่ได้เป็นแค่ผู้เล่นธรรมดา แต่เป็นเสาหลักที่ช่วยยกระดับมาตรฐานของทั้งทีม และเขาเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีความสุขกับชีวิตในลอนดอน เขาเคยบอกไว้ว่า “ผมรู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน ทุกคนเคารพกันและกัน เราเล่นเพื่อทีม ไม่ใช่เพื่อตัวเอง”

ในมุมของแฟนบอลและผู้ติดตามการวิเคราะห์ผ่าน สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ต่างเห็นตรงกันว่า บทบาทของเบนตานกูร์ในยุคของโธมัส แฟร้งค์คือหัวใจสำคัญที่จะชี้วัดทิศทางของสโมสรในฤดูกาลนี้ ถ้าเขายังรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ได้ต่อเนื่อง สเปอร์สมีศักยภาพเพียงพอที่จะจบในพื้นที่ยุโรป หรือแม้แต่แย่งอันดับท็อปโฟร์ได้อย่างเต็มตัว

และในขณะที่สื่อหลายสำนักเริ่มพูดถึงนักเตะชื่อดังในพรีเมียร์ลีก เบนตานกูร์กลับเลือกปล่อยให้ผลงานในสนามเป็นคนพูดแทน เขาไม่ใช่คนชอบออกสื่อ แต่ทุกครั้งที่สเปอร์สต้องการความมั่นคงในแดนกลาง เขาคือคนแรกที่โธมัส แฟร้งค์มองหา และทุกครั้งที่ได้โอกาส เขาก็มักตอบแทนความไว้วางใจด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมเสมอ

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเบนตานกูร์ในตอนนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขา เขาไม่เพียงได้พิสูจน์ตัวเองต่อหน้าแฟนบอล แต่ยังได้รับการยอมรับจากโค้ชและนักวิเคราะห์ในวงกว้างว่าเป็น “หนึ่งในมิดฟิลด์ที่เข้าใจเกมฟุตบอลยุคใหม่อย่างแท้จริง” และถ้าเขายังคงเดินหน้าพัฒนาแบบนี้ต่อไป ชื่อของเขาอาจถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในฐานะหนึ่งในกองกลางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมีมา