Browse By

Category Archives: Sportnews and Football

คริสตัล พาเลซ ต่อสัญญาไดชิ คามาดะ

หนึ่งในเป้าหมายหลักของการวางแผนครั้งนี้คือการต่อสัญญากับกองกลางทีมชาติญี่ปุ่น ไดชิ คามาดะ ซึ่งกลายเป็นหัวใจสำคัญของเกมรุกและเกมรับในแผงมิดฟิลด์หลังจากย้ายมาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยทางบอร์ดบริหารของพาเลซเตรียมนัดหารือกับตัวแทนของนักเตะในเร็วๆ นี้ เพื่อขยายสัญญาออกไปมากกว่าเดิมที่สิ้นสุดในปี 2025-26 ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความต้องการสร้างทีมระยะยาวของสโมสรที่กำลังมองเห็นศักยภาพและคุณค่าในตัวดาวเตะชาวญี่ปุ่นรายนี้อย่างชัดเจน การเข้ามาของไดชิ คามาดะ นับว่าเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่น่าสนใจที่สุดของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ หลังจากเจ้าตัวสร้างชื่อกับไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต และต่อยอดประสบการณ์กับลาซิโอในอิตาลี ก่อนตัดสินใจกลับมาค้าแข้งในอังกฤษกับพาเลซ การปรับตัวของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น ด้วยความสามารถเฉพาะตัวในการเชื่อมเกมระหว่างแดนกลางกับแนวรุก การครองบอลที่นิ่งและการอ่านเกมที่แม่นยำ ทำให้คามาดะกลายเป็นผู้เล่นที่ไม่สามารถขาดได้ในระบบของกุนซือคนปัจจุบัน แม้ว่าในช่วงต้นฤดูกาลเขาอาจต้องใช้เวลาปรับจังหวะกับเพื่อนร่วมทีม แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถแสดงให้เห็นถึงคุณภาพในระดับที่คาดหวังไว้ หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่คริสตัล พาเลซต้องการขยายสัญญาของคามาดะคือความเสถียรและสมดุลของทีมในระยะยาว นักเตะวัย 28 ปีรายนี้ไม่เพียงมีบทบาทในสนามเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำทางจิตใจให้กับเพื่อนร่วมทีมรุ่นน้อง โดยเฉพาะผู้เล่นเอเชียรุ่นใหม่ที่เริ่มได้รับโอกาสในลีกอังกฤษมากขึ้น การมีบุคคลต้นแบบที่ประสบความสำเร็จอย่างคามาดะอยู่ในทีมจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทั้งภาพลักษณ์ของสโมสรและการตลาดในระดับสากล ซึ่งนี่คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พาเลซตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาเขาไว้กับทีมให้นานที่สุด การเจรจาครั้งนี้คาดว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างมีความต้องการเดียวกัน คามาดะเองก็แสดงออกชัดเจนว่าเขามีความสุขกับชีวิตในลอนดอนและชื่นชอบแนวทางการทำทีมของพาเลซที่ให้ความสำคัญกับการเล่นอย่างมีระบบและใช้เทคนิคมากกว่าพละกำลัง ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์การเล่นของเขา นอกจากนี้ แฟนบอลของทีมก็ให้การตอบรับอย่างอบอุ่นต่อกองกลางชาวญี่ปุ่น โดยมักมีป้ายผ้าที่มีชื่อของเขาโบกสะบัดในสนามเซลเฮิร์สท์ พาร์คอยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่ทำให้คามาดะโดดเด่นคือความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในเกมได้ทุกประเภท เขาสามารถถอยลงมาช่วยเกมรับเมื่อจำเป็น และในขณะเดียวกันก็สามารถดันขึ้นไปสร้างสรรค์เกมรุกให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเคลื่อนที่ของเขามักสร้างความสับสนให้กับคู่แข่ง เพราะไม่สามารถเดาได้ว่าเขาจะปรากฏในตำแหน่งใดของสนามในจังหวะต่อไป นี่คือเหตุผลที่ผู้จัดการทีมให้ความไว้วางใจอย่างมาก

อาร์เซน่อล ท้อในการเค้น กาเบรียล เชซุส ติดต่อหา เอฟเวอร์ตัน

อังกฤษกำลังร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อมีรายงานออกมาว่า อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เริ่ม “ถอดใจ” กับการรอให้ กาเบรียล เชซุส ศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลกลับมาสู่ฟอร์มเก่งอย่างที่แฟนบอลคาดหวัง และได้ติดต่อไปยัง เอฟเวอร์ตัน เพื่อสอบถามความเป็นไปได้ในการคว้าตัวกองหน้ารายหนึ่งมาร่วมทีมในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ข่าวดังกล่าวสร้างความฮือฮาในหมู่แฟนบอลอย่างมาก เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณสำคัญว่า มิเกล อาร์เตต้า เริ่มหมดความอดทนกับแนวรุกที่ไม่สามารถผลิตสกอร์ได้อย่างต่อเนื่อง กาเบรียล เชซุส ถูกคาดหวังอย่างสูงตั้งแต่ย้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีมอาร์เซน่อลเมื่อกลางปี 2022 ด้วยค่าตัวกว่า 45 ล้านปอนด์ เขาคือหนึ่งในนักเตะที่อาร์เตต้าต้องการมากที่สุด เนื่องจากทั้งคู่เคยร่วมงานกันในถิ่นเอติฮัดมาก่อน ช่วงเริ่มต้นในฤดูกาลแรก ดาวเตะชาวบราซิลตอบแทนความไว้วางใจทันทีด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ทั้งการเคลื่อนที่ การเพรสซิ่ง และความเข้าใจเกมที่เข้ากับระบบของอาร์เตต้าอย่างสมบูรณ์แบบ เขากลายเป็นศูนย์กลางของแนวรุกที่ช่วยให้อาร์เซน่อลทะยานขึ้นนำเป็นจ่าฝูงในครึ่งฤดูกาลแรก และดูเหมือนว่าทีมจะกลับมามีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ อาการบาดเจ็บหัวเข่าที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2022 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เชซุสต้องพักยาวหลายเดือน และแม้จะกลับมาลงสนามได้ในช่วงท้ายฤดูกาล

พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ลีดส์ 1- ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2

ค่ำคืนที่เอลแลนด์ โร้ดเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย เมื่อแฟนบอลเจ้าถิ่นต้องผิดหวังอีกครั้งหลัง ลีดส์ ยูไนเต็ด พ่ายให้กับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปอย่างสุดมัน 1-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุด เกมนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง “ทีมที่เล่นเพื่ออยู่รอด” กับ “ทีมที่กำลังไล่ล่าความสำเร็จ” ได้อย่างชัดเจน เพราะแม้ลีดส์จะสู้ด้วยหัวใจตลอด 90 นาที แต่ประสบการณ์และความนิ่งของผู้มาเยือนจากลอนดอนเหนือคือสิ่งที่ตัดสินผลลัพธ์ในท้ายที่สุด เสียงเชียร์ของแฟน ๆ เจ้าบ้านดังสนั่นตั้งแต่นาทีแรก ลีดส์เปิดเกมอย่างดุดัน พยายามใช้ความเร็วของแดนหน้าอย่างดาเนียล เจมส์ และคริสเตนเซ่นสร้างแรงกดดันต่อแนวรับของสเปอร์ส และเพียงไม่กี่นาทีแรกก็ได้ลุ้นจากลูกยิงของซัมเมอร์วิลล์ที่หลุดเสาไปนิดเดียว เกมในช่วง 15 นาทีแรกดูเหมือนเจ้าบ้านจะควบคุมจังหวะไว้ได้ทั้งหมด และแฟนบอลต่างเริ่มเชื่อว่าวันนี้อาจเป็นวันที่ทีมจะคว้าชัยเหนือทีมใหญ่ได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้สเปอร์สภายใต้การคุมทีมของ โธมัส แฟร้งค์ แตกต่างจากหลายทีมในลีกคือ “ความเยือกเย็น” ทีมเยือนไม่รีบร้อน พวกเขาเลือกครองบอลอย่างมีระบบ รอจังหวะเหมาะสมในการเจาะแนวรับของลีดส์ และในนาทีที่ 27 ความแตกต่างด้านคุณภาพก็ปรากฏ

เอ็นโซ่ มาเรสก้า ย้ำผู้เล่นให้มีสมาธิเป็นพิเศษในการพบ ลิเวอร์พูล

ในค่ำคืนที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์จะกลับมาเต็มไปด้วยความเข้มข้นอีกครั้ง เอ็นโซ่ มาเรสก้า เฮดโค้ชชาวอิตาเลียนของเชลซี ได้ออกมากล่าวเตือนลูกทีมของตนให้ “มีสมาธิเป็นพิเศษ” ก่อนเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสำคัญที่ทีมของเขาจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ แม้คู่แข่งจะอยู่ในช่วงฟอร์มตกจากความพ่ายแพ้สองเกมติด แต่กุนซือรายนี้กลับย้ำชัดว่าห้ามประมาทเด็ดขาด เพราะ “ทีมอย่างลิเวอร์พูลไม่มีวันยอมแพ้ง่าย ๆ” มาเรสก้าที่เข้ามารับตำแหน่งต่อจากเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กำลังพาเชลซีเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความท้าทาย ทีมของเขาเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากสร้างสมดุลระหว่างแนวรุกกับแนวรับได้ดีขึ้น แต่การเจอกับลิเวอร์พูลถือเป็นบททดสอบที่ใหญ่ที่สุดของเขาในฐานะผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีก เพราะนี่คือเกมที่ไม่ได้วัดแค่ฝีเท้า แต่ยังวัดจิตใจของนักเตะและแนวทางการเล่นที่เขาสร้างมาทั้งหมด “ผมบอกนักเตะทุกคนว่าอย่ามองสถิติของคู่แข่งในสองเกมที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลอาจแพ้มาสองนัด แต่พวกเขายังเป็นทีมที่มีคุณภาพสูงและอันตรายทุกนาทีในสนาม” มาเรสก้ากล่าวในการแถลงข่าวก่อนเกม “สิ่งสำคัญคือเราต้องโฟกัสกับแผนของเราเอง และเล่นด้วยสมาธิตลอด 90 นาที เพราะทีมระดับนี้สามารถลงโทษคุณได้ทันทีถ้าเผลอแค่เสี้ยววินาที” คำพูดของเขาสะท้อนถึงแนวทางการทำงานที่ละเอียดรอบคอบของกุนซือวัย 44 ปีรายนี้ ซึ่งเคยผ่านการเป็นผู้ช่วยของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้เขาเข้าใจดีถึงความสำคัญของจังหวะในเกมระดับสูง และรู้ว่าการเผชิญหน้ากับทีมของเจอร์เก้น

ไรอัน กราเฟนแบร์ค เบื่อแล้วรสชาติผู้แพ้ อยากกลับสู่เส้นทางผู้ชนะ

เสียงหัวเราะและความมั่นใจที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของเขากลับมาอีกครั้งในสนามซ้อมเมลวู้ดของลิเวอร์พูล หลังจากที่ ไรอัน กราเฟนแบร์ค กองกลางดาวรุ่งชาวดัตช์ ออกมาเปิดใจถึงแรงกระตุ้นครั้งใหม่ในอาชีพค้าแข้ง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ผมเบื่อแล้วกับรสชาติของความพ่ายแพ้ ผมอยากกลับไปอยู่บนเส้นทางของผู้ชนะอีกครั้ง” คำพูดนั้นสะท้อนถึงสภาพจิตใจของนักเตะฟุตบอลที่กำลังค้นหาความหมายของความสำเร็จอีกครั้งหลังจากผ่านช่วงเวลายากลำบาก สำหรับกราเฟนแบร์ค วัย 22 ปี เส้นทางของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายคนคาดคิด เมื่อย้อนกลับไปในปี 2020 เขาคือหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เพชรเม็ดงามแห่งอัมสเตอร์ดัม” ผลผลิตจากอะคาเดมีของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ถูกยกให้เป็นทายาทสายตรงของแฟรงกี้ เดอ ยอง ด้วยสไตล์การเล่นที่สง่างาม ควบคุมบอลได้ดี และอ่านเกมขาด แต่หลังจากย้ายไปบาเยิร์น มิวนิคในปี 2022 เส้นทางของเขากลับไม่ราบรื่นอย่างที่วาดฝัน ในเยอรมนี เขาต้องต่อสู้กับการแย่งตำแหน่งในแดนกลางที่อัดแน่นไปด้วยซูเปอร์สตาร์ ไม่ว่าจะเป็นโยชัว คิมมิช, เลออน โกเร็ทซ์ก้า หรือจามาล มูเซียล่า การลงสนามอย่างต่อเนื่องกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ ผลลัพธ์คือความมั่นใจที่เคยมีค่อย ๆ หายไป เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าการย้ายออกจากบ้านเกิดในช่วงเวลานั้นเป็นการตัดสินใจที่เร็วเกินไปหรือไม่ แต่ชีวิตในวงการฟุตบอลไม่เคยหยุดหมุน

โธมัส แฟร้งค์ ชื่นชมคุณภาพฝีเท้า โรดรีโก้ เบนตานกูร์

โธมัส แฟร้งค์ แสงไฟในศูนย์ฝึกซ้อมฮอตสเปอร์ เวย์สะท้อนบนพื้นหญ้าสีเขียวที่ถูกตัดเรียบในเช้าวันฝึกซ้อมก่อนเกมสุดสัปดาห์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเหล่านักเตะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงอย่างต่อเนื่องในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ล่าสุด โธมัส แฟร้งค์ เฮดโค้ชชาวเดนมาร์กที่เข้ามากุมบังเหียนทีมแทนที่อันเก้ ปอสเตโคกลูเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ได้ออกมากล่าวชื่นชมลูกทีมคนสำคัญอย่าง โรดรีโก้ เบนตานกูร์ กองกลางทีมชาติอุรุกวัย ว่าเป็น “หนึ่งในนักเตะที่มีคุณภาพสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีกตอนนี้” ถ้อยคำของแฟร้งค์สร้างความสนใจอย่างมากในหมู่แฟนบอลและนักวิเคราะห์ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนชอบพูดเกินจริง ผู้จัดการทีมวัย 51 ปีรายนี้มีชื่อเสียงในด้านความตรงไปตรงมาและการให้เครดิตกับผู้เล่นอย่างเหมาะสม การที่เขาเลือกพูดถึงเบนตานกูร์ในช่วงเวลานี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของมิดฟิลด์รายนี้ในระบบของสเปอร์สที่กำลังพัฒนาไปในทิศทางใหม่ภายใต้การนำของเขา “โรดรีโก้เป็นนักเตะที่มีคุณภาพระดับโลก” แฟร้งค์กล่าว “สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างคือความสามารถในการควบคุมจังหวะเกมได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเจอกับแรงเพรสซิ่งหรืออยู่ในพื้นที่แคบ เขามีความนิ่งและตัดสินใจได้ยอดเยี่ยมเสมอ เขาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ผมชื่นชมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก” คำชมดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด เบนตานกูร์ในฤดูกาลนี้กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งหลังจากพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บยาวที่รุนแรงเมื่อปลายฤดูกาลก่อน เขากลับมาพร้อมความมั่นใจและพลังที่มากกว่าเดิม และในระบบการเล่นของโธมัส แฟร้งค์ เขากลายเป็นศูนย์กลางของแดนกลางที่ขับเคลื่อนทุกจังหวะของทีม ในเกมล่าสุดที่สเปอร์สคว้าชัยเหนือไบรท์ตัน เบนตานกูร์คือผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในสนาม เขาไม่เพียงแค่ช่วยตัดบอลในแดนกลางได้ถึง 7 ครั้ง แต่ยังสร้างโอกาสทำประตูถึง

ราฮีม สเตอร์ลิง: เป้าหมายใหม่ของสโมสรยักษ์ใหญ่ยุโรป

ข่าวลือเรื่องอนาคตของ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกความเร็วสูงชาวอังกฤษ กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อมีรายงานว่าสโมสรระดับท็อปของยุโรปหลายแห่งกำลังจับตาดูสถานการณ์ของเขาอย่างใกล้ชิด แม้ในช่วงหลังฟอร์มของเขากับเชลซีจะขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ชื่อชั้น ประสบการณ์ และความสามารถเฉพาะตัวของสเตอร์ลิงยังคงทำให้เขาเป็นนักเตะที่หลายทีมพร้อมลงทุนเพื่อดึงเข้าสู่ทีม 1. เส้นทางอาชีพของสเตอร์ลิง ราฮีม สเตอร์ลิง เติบโตขึ้นมาจากระบบเยาวชนของ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ก่อนจะถูกลิเวอร์พูลดึงเข้าสู่ทีมเยาวชน และแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในพรีเมียร์ลีก เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่น่าตื่นตาที่สุด ด้วยความเร็วจัด การเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว และการหาพื้นที่ว่างในแนวรุก ต่อมาเขาย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่นั่นเขากลายเป็นผู้เล่นสำคัญ พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหลายสมัย และก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติอังกฤษในรายการใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลกหรือยูโร 2. การย้ายสู่เชลซีและความท้าทายใหม่ ปี 2022 สเตอร์ลิงย้ายมาร่วมทีมเชลซี ท่ามกลางความคาดหวังว่าเขาจะเป็นหัวใจเกมรุกของทีม อย่างไรก็ตาม ปัญหาภายในสโมสร การเปลี่ยนโค้ชบ่อยครั้ง และความไม่แน่นอนของแผนการเล่น

อีกอร์ ทูดอร์ กับคำยืนยัน: ดอร์ทมุนด์ คือคู่แข่งสุดแกร่งของยูเวนตุส

การออกมาให้สัมภาษณ์ของ อีกอร์ ทูดอร์ เฮดโค้ชยูเวนตุส ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือคู่แข่งสุดแกร่งบนเวทียุโรป ไม่เพียงสร้างกระแสความสนใจในหมู่แฟนบอล แต่ยังตอกย้ำให้เห็นถึงความจริงที่ว่า ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่เคยมีเกมที่ง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมที่มีประวัติศาสตร์และพลังหนุ่มอย่าง “เสือเหลือง” 1. อีกอร์ ทูดอร์: เส้นทางและปรัชญาการคุมทีม ทูดอร์ในฐานะอดีตกองหลังระดับตำนานของยูเวนตุส ย่อมรู้ซึ้งดีว่าการแข่งขันระดับสูงต้องอาศัยทั้งแท็กติกและจิตวิทยา เขาเติบโตมากับยุคที่ “ม้าลาย” ครองความยิ่งใหญ่ในเซเรีย อา และปัจจุบันนำประสบการณ์นั้นมาปรับใช้กับบทบาทผู้จัดการทีม ปรัชญาของเขาคือ ความแข็งแกร่งทางกายภาพผสมผสานกับระเบียบวินัยเชิงแท็กติก สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ยูเวนตุสกลับมาเป็นทีมที่เล่นเกมรับเหนียวแน่น แต่ก็มีความหลากหลายในการโจมตีมากขึ้น 2. ดอร์ทมุนด์: เสือเหลืองที่ไม่อาจประเมินต่ำไป ดอร์ทมุนด์ไม่ใช่เพียงทีมที่เน้นการปั้นดาวรุ่ง แต่พวกเขาคือทีมที่มีระบบและความเชื่อมั่นอันแข็งแกร่งในตัวเอง การเข้าถึงรอบลึก ๆ ของแชมเปี้ยนส์ ลีก หลายครั้งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คือหลักฐานว่าพวกเขาสามารถสู้กับทีมใหญ่ได้เสมอ พลังงานจากผู้เล่นวัยหนุ่ม, บรรยากาศในสนามซิกนัล อิดูน่า

เฟรงกี้ เดอ ย็อง กับการเตรียมความพร้อมก่อนเกมเยือนนิวคาสเซิ่ล

การกลับมาของ เฟรงกี้ เดอ ย็อง สร้างความหวังใหม่ให้กับบาร์เซโลน่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ทีมกำลังเผชิญความท้าทายใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เกมเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ก ไม่ใช่ภารกิจง่าย แต่การที่กองกลางชาวดัตช์คนนี้กลับมาฝึกซ้อมและเตรียมพร้อมเต็มที่คือสัญญาณบวกที่แฟนบอลรอคอย 1. บทบาทของ เฟรงกี้ เดอ ย็อง ในทีมบาร์เซโลน่า เดอ ย็องไม่ได้เป็นเพียงมิดฟิลด์ธรรมดา แต่คือผู้ที่คุมจังหวะเกมของบาร์เซโลน่า เขาสามารถพาบอลจากแดนหลังขึ้นไปเชื่อมเกมรุกได้อย่างลื่นไหล เป็น “ตัวขับเคลื่อน” ที่ทำให้สไตล์การเล่นแบบ ติกิ-ตาก้า มีชีวิตชีวา สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากกองกลางทั่วไปคือความสามารถในการ หาพื้นที่, ตัดบอล, และเปิดบอลแม่นยำ เมื่อเขาอยู่ในสนาม บาร์เซโลน่ามีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถควบคุมเกมกลางสนามได้ 2. การฝึกซ้อมก่อนเกมเยือนนิวคาสเซิ่ล ข่าวการที่เดอ ย็องกลับมาซ้อมเต็มรูปแบบสร้างรอยยิ้มให้กับชาบี เอร์นานเดซและแฟนบอลทีม การซ้อมครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเรียกความฟิต แต่ยังเป็นการเตรียมแท็กติกเฉพาะเพื่อรับมือกับนิวคาสเซิ่ลที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุดันและการเล่นเกมเร็ว

พอล สโคลส์ ชี้ชัด: บรูโน่ แฟร์นันด์ส ควรยืนตำแหน่งหมายเลข 10

ชื่อของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส คือผู้ที่แฟนบอลและนักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าเหมาะสมที่สุดที่จะสวมบทบาทนี้ ล่าสุดตำนานสโมสรอย่าง พอล สโคลส์ ได้ออกมาแสดงความเห็นชัดเจนว่า บรูโน่ควรเล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ หรือหมายเลข 10 อย่างเต็มตัว นี่ไม่ใช่เพียงคำแนะนำธรรมดา แต่สะท้อนถึงประสบการณ์และมุมมองลึกซึ้งของหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก 1. ตำแหน่งหมายเลข 10: หัวใจของเกมรุก ตำแหน่งหมายเลข 10 คือการยืนอยู่ระหว่างกองกลางกับกองหน้า ทำหน้าที่เชื่อมเกมรุก สร้างสรรค์โอกาส และบางครั้งก็เป็นผู้ทำประตูเอง นักเตะในตำแหน่งนี้ต้องมีทั้งเทคนิค การมองเห็นพื้นที่ และความเข้าใจเกมที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมทีม บรูโน่ แฟร์นันด์ส แสดงคุณสมบัติเหล่านี้ชัดเจนตั้งแต่ย้ายมาโอลด์ แทรฟฟอร์ดในปี 2020 พอล สโคลส์ ที่เคยยืนกึ่งหมายเลข 8 และหมายเลข 10 มาก่อน เข้าใจดีว่าความสมดุลระหว่างการคุมเกมและการสร้างสรรค์คือกุญแจสำคัญ เขาจึงมองว่า บรูโน่ไม่ควรถูกถอยต่ำเกินไปหรือจับไปเล่นริมเส้น แต่ต้องได้ยืนในพื้นที่ที่สามารถปล่อยของได้เต็มที่ 2. พรสวรรค์ของ